วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไหว้พระขอพร 9 พระนอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคลให้ชีวิต

โครงการ
 “ ไหว้พระขอพร 9 พระนอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคลให้ชีวิต ”
ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
______________________________________________________
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา
        ขอเชิญเสริมสิริมงคลให้ชีวิต ด้วยการ “ไหว้พระนอน” ในโครงการ “ไหว้พระขอพร 9 พระนอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคลให้ชีวิต” ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
 
         จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่มีวัดจำนวนมากเป็นลำดับที่ 2 ของประเทศไทย และล้วนเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวและไหว้พระตามวัดต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เช่น วัดพนัญเชิง วิหารพระมงคลบพิตร แต่ในครั้งนี้ จะขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวประเภทวัดที่มี “พระนอน” หรือที่เรียกว่า “พระพุทธไสยาสน์” ประดิษฐานอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีอยู่มากกว่า 9 วัด ให้ได้สักการะบูชา เสริมสิริมงคลแก่ชีวิตพร้อมรับแต่สิ่งดี ๆ ในโครงการ “ไหว้พระขอพร 9 พระนอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคลให้ชีวิต” ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ดังนี้
        1. พระนอนวัดเสนาสนารามราชวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา 
       
    วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่ทางด้านหลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม เป็นวัดโบราณเดิมชื่อ "วัดเสื่อ" มีวิหารพระพุทธไสยาสน์ อยู่ติดกับพระเจดีย์องค์ใหญ่ ซึ่งพระวิหารนี้สร้างขวางกับแนวพระอุโบสถ พระพุทธไสยาสน์เป็นศิลปะแบบอยุธยา ประกอบด้วยศิลาเป็นท่อนๆ นำมาเรียงต่อกันแล้วสลักเป็นองค์พระมีขนาดยาว 14.2 เมตร แต่เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระมหาธาตุ รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างวิหารพระนอนขึ้นในวัดแล้วอัญเชิญพระพุทธ
ไสยาสน์จากวัดมหาธาตุมาประดิษฐานไว้ที่วัดนี้
ถ้าใครได้มาสักการะ จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและประสบความโชคดี
        2. พระนอนวัดสามวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา         
        ในพงศาวดาร เรียกว่า “วัดสามพิหาร” เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยาตอนต้น แต่พุทธลักษณะคล้ายได้รับอิทธิพลแบบสุโขทัย ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดสามวิหาร” เนื่องจากแต่เดิมมีทั้งหมด 3 วิหาร คือ วิหารพระนอน วิหารพระนั่ง และวิหารพระยืน ปัจจุบันเหลือเพียง 2 วิหาร คือ วิหารพระนอน และวิหารพระนั่ง เท่านั้น สันนิษฐานว่าสถานที่สำคัญต่างๆ ของวัดนี้ ถูกทำลายเมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310 เนื่องจากวัดนี้เป็นวัดแห่งหนึ่งที่พม่าเลือกเป็นชัยภูมิในการตั้งฐานทัพ เมื่อครั้งยกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยาก่อนเสียกรุง
 ถ้าใครได้สักการะจะได้รับความเมตตามหานิยม
        3. พระนอนวัดโลกยสุทธา อำเภอพระนครศรีอยุธยา 
    
        พระพุทธไสยาสน์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา และเป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ในรัชสมัยสมเด็จพระ  นครินทราธิราช พระราชบิดาเจ้าสามพระยา ราว พ.ศ.1995 องค์พระพุทธไสยาสน์ก่ออิฐถือปูน ขนาดยาว 42 ม. สูง 8 ม. มีดอกบัวเกยซ้อนรองรับพระเศียรแทนพระเขนย รอบองค์พระมีเสาอิฐ 8 เหลี่ยม รวม 24 ต้น 
 ถ้าใครได้มาสักการะ จะได้รับความเมตตามหานิยม
        4. พระนอนวัดธรรมิกราช อำเภอพระนครศรีอยุธยา
 
        วัดที่สร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่า สร้างในสมัยเดียวกันกับวัดพนัญเชิงวรวิหาร ต่อมา มีการสร้างพระวิหาร ซึ่งตามประวัติกล่าวว่า สร้างโดยพระมเหสีในสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เนื่องจากทรงตั้งจิตอธิษฐานว่า หากพระราชธิดาทรงหายจากอาการประชวรแล้ว จะสร้างวิหารพระพุทธไสยาสน์ถวาย องค์พระพุทธไสยาสน์ก่ออิฐถือปูน มีความยาวประมาณ 12 เมตร กลางฝ่าพระบาททำตามคติมหาปุริสลักษณะ โดยทำเป็นรูปจักรปูนปั้นนูนออกมาจากฝ่าพระบาทตามความงามของคติช่าง นอกเหนือจากชมความงามขององค์พระนอนแล้ว นักท่องเที่ยวยังนิยมนำน้ำพระพุทธมนต์ในพระวิหารนี้กลับไปบ้านเพื่อเป็นสิริ มงคล เนื่องจากเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก


      ถ้าใครได้มาสักการะ จะได้เมตตามหานิยม  มีสุขภาพแข็งแรง เนื่องจากพระพุทธไสยาสน์นี้สร้างขึ้นด้วยอานิสงส์แห่งแรงอธิษฐาน
        5. พระนอนวัดใหญ่ชัยมงคล อำเภอพระนครศรีอยุธยา
        เป็นวัดที่มีเจดีย์ทรงระฆังองค์ใหญ่ สัญลักษณ์แห่งชัยชนะขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เดิมชื่อสำนักสงฆ์ป่าแก้วที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง องค์ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้สถาปนาพระวิหารให้เป็นพระอารามใน พ.ศ. 1900 โดยพระราชทานชื่อใหม่ว่า “วัดป่าแก้ว” ต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศ  และเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะในศึกยุทธหัตถี โดยทรงพระราชทานนามว่า “เจดีย์ชัยมงคล” พร้อมกันนั้น ได้ทรงโปรดฯ ให้สร้างวิหารพระพุทธไสยาสน์ เพื่อเป็นที่ถวายสักการะและบูชาพระปฏิบัติกรรมฐาน ปัจจุบัน วิหารแห่งนี้หลงเหลือเพียงเสาสองต้นและกำแพงบางส่วนหลังองค์พระพุทธไสยาสน์ ซึ่งได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่
    ถ้าใครได้มาสักการะ จะได้รู้ถึงการอภัยทาน และได้เมตตามหานิยม

        6. พระนอนวัดพนมยงค์ อำเภอพระนครศรีอยุธยา
        วัดพนมยงค์ หรือวัดแม่นมโยง เป็นนามของแม่นมของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้ปฎิบัติดี มีใจสัตย์ซื่อและยึดถือคุณธรรมในการดำเนินชีวิต เมื่อหมดอายุขัยลงพระมหากษัตริย์พระองค์นั้น จึงได้โปรดเกล้าฯให้สร้างวัด อุโบสถและวิหารพระนอนองค์ใหญ่     ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของกรุงเก่า ริมคลองเมือง เยื้องหน้าโรงเรียนประตูชัย ตำบลท่าว่าสุกรี  สันนิษฐานว่าสร้างพระนอนองค์ใหญ่ทำด้วยปูนปั้นสวยงาม พุทธลักษณะคล้ายศิลปะสมัยสุโขทัย เพราะพระศกท่านคล้ายก้นหอยขม และเข้าใจว่าแม่นมยงค์น่าจะเกิดวันอังคารจึงได้สร้างพระนอนองค์ใหญ่ไว้ประจำ วัด เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความดีงามของแม่นมยงค์
        ถ้าใครได้มาสักการะ จะได้รับโชคลาภและหายจากการเจ็บป่วย

        7. พระนอนวัดพุทไธศวรรย์ อำเภอพระนครศรีอยุธยา

        สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ราว พ.ศ.1896 ในบริเวณ “เวียงเหล็ก” หรือ “เวียงเล็ก” ซึ่งเป็นพระตำหนักที่ประทับเดิมของพระองค์ ภายในบริเวณ มีวิหารพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่เพียงผนังและกรอบหน้าต่างบางส่วน และองค์พระพุทธไสยาสน์ก่อด้วยอิฐถือปูน ซึ่งมีพุทธลักษณะพิเศษ คือ เป็นหนึ่งในพระพุทธไสยาสน์ของอยุธยาเพียงไม่กี่องค์ที่แสดงลักษณะการวางพระ บาทเหลื่อม อันเป็นพุทธลักษณะคล้ายการนอนตะแคงของคนทั่วไป นอกจากนั้น พระพาหาและพระกรที่พับวางราบด้านหน้า    ในลักษณะหงายพระหัตถ์เพื่อรองรับพระเศียรนั้น เป็นรูปแบบที่นิยมมาตั้งแต่สมัยทวารวดี ลพบุรี อู่ทอง แตกต่างจากพระนอนในอิทธิพลศิลปะสุโขทัยที่พบในเขตเกาะเมืองอยุธยา ซึ่งมักจะตั้งพระกรขึ้นและหงายพระหัตถ์รองรับพระเศียรอยู่บนพระเขนย   จึงนับเป็นตัวอย่างในการศึกษาพุทธศิลป์ในสมัยอยุธยาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
        ถ้าใครได้มาสักการะ จะได้รับเมตตามหานิยม ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

        8. พระนอนวัดสะตือ อำเภอท่าเรือ
        เหตุที่เรียกว่าวัดสะตือนั้น เนื่องจากในอดีต มีต้นสะตือใหญ่อยู่บริเวณภายในวัด สร้างขึ้นในสมัยพระพุทธเจ้าหลวง โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ในบริเวณวัดนี้เป็นสถานที่ที่คุณโยมมารดาของพระคุณเจ้าสมเด็จฯ เคยขึ้นจากเรือมาผูกอู่เปลเห่กล่อมลูกในวัดมี “พระนอนองค์ใหญ่” หรือพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของไทย ที่นอกจากประชาชนจะมากราบไหว้บูชาแล้ว ยังนิยมมาบนบานขอพร เมื่อสำเร็จดังประสงค์แล้วมักแก้บนด้วยขนมจีน หรือว่าจ้างขบวนแตรวงแห่ไปรอบองค์พระ
ถ้าใครมาสักการะ ถือว่าจะแคล้วคลาดจากความชั่วร้าย และขับไล่สิ่งไม่ดีออกจากตน พร้อมรับเมตตามหานิยม
        9. พระนอนวัดไม้รวก อำเภอท่าเรือ

        ชาวบ้านเรียกว่า “วัดรวก” เนื่องจากสันนิษฐานว่าบริเวณวัดนี้น่าจะปกคลุมไปด้วยป่า และต้นไผ่ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา และมาบูรณะซ่อมแซมอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 3 มีพระพุทธไสยาสน์ประดิษฐานอยู่ในเขตกำแพงแก้ว และ ยัง มีพระพุทธรูปไม้สักแกะสลัก ลงรักปิดทองหลายองค์ ซึ่งในปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ องค์พระมีความยาวขนาด 7 ม. นอกจากนี้ ยังมีวิหารเก่าแก่ ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 3 อีกด้วย

ถ้าได้มาสักการะ จะได้รับเมตตามหานิยม ประสบโชคดี สุขภาพแข็งแรง
        10. พระนอนวัดสุวรรณเจดีย์ ตำบลบ้านขวาง อำเภอมหาราช

        สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่เนื่องจากบริเวณวัดมีเจดีย์เก่าสมัยอยุธยา ภายในบรรจุพระพุทธรูปทองคำขนาดต่างๆ จึงเป็นที่มาของชื่อ “วัดสุวรรณเจดีย์” ภายในวิหารมีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่ ลักษณะพระพักตร์งดงามเป็นศิลปะสุโขทัยผสมอยุธยา พระเขนยเป็นลายแผงพุ่มข้าวบิณฑ์ แบบรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นลายไทยทรงพุ่มแบบหนึ่งที่มีโครงภายนอกคล้ายดอกบัว ส่วนภายในตกแต่งด้วยลวดลายละเอียดประณีตงดงามยิ่งนัก ส่วนอีกองค์หนึ่งมีขนาดไม่ใหญ่นัก สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ประดิษฐานอยู่ในกุฏิหลังใหญ่ของวัด
ถ้าได้มาสักการะ จะได้ประสบความโชคดี ประสบความสำเร็จสมปรารถนา
        11. พระนอนวัดพิกุลโสคันธ์ อำเภอบางบาล

        วัดพิกุล อยู่ในอำเภอบางบาล เป็น วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระเพทราชา เล่ากันว่า วัดพิกุลไม่เคยเป็นวัดร้างเลย แม้สมัยที่กรุงศรีอยุธยาแตกก็ตาม วัดแห่งนี้เฟื่องฟูในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อหลวงพ่อปั้นเป็นเจ้าอาวาส เนื่องจากท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือมาก ท่านได้สร้างพระพุทธไสยาสน์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2453 ถวายพระนามว่า พระโสคันธ์ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า หลวงพ่อโส เป็นพระนอนขนาดใหญ่ ซึ่งชาวบ้านเคารพนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ จึงนิยมมาขอพรให้ประสบความสำเร็จสมหวังในเรื่องต่าง ๆ
ถ้าได้มาสักการะ จะประสบความโชคดีและประสบผลสำเร็จสมหวังในเรื่องต่าง ๆ 

        12. วัดบางปลาหมอ อำเภอบางบาล
        วัดบางปลาหมอ อยู่ในอำเภอบางบาล วัดบางปลาหมอ เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดประชุมญาติ เมื่อเสียกรุงครั้งที่ 2 กลายเป็นวัดร้างไป ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 หลวงปู่สุ่น นอกจากเก่งในทางวิปัสสนาแล้วท่านยังเป็นพระที่มีวิชาในทางรักษาโรคด้วย ต่อมาชื่อวัดได้เพี้ยนไปกลายเป็น บางปลาหมอ จนปัจจุบัน ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยหลวงปู่สุ่นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัด ในยุครัตนโกสินทร์ได้สร้างพระพุทธไสยาสน์ ถวายนามว่า พระไสยาสน์มงคลสรรเพชญ์ แต่เดิมพระพุทธไสยาสน์องค์นี้ประดิษฐานอยู่ริมแม่น้ำน้อยถึงหน้าน้ำก็มักจะ ถูกน้ำท่วมเกือบทุกปี จนกระทั่งหลวงพ่อวัดปากน้ำวัดภาษีเจริญ ได้มาเห็นสภาพท่านจึงเป็นผู้นำชาวบ้านให้ช่วยกันชะลอพระนอนจากริมแม่น้ำขึ้น มายังที่ประดิษฐานปัจจุบัน การย้ายครั้งนั้นองค์เกิดเสียหาย ทำให้ได้ทราบว่า โครงสร้างภายในทำด้วยโอ่งจำนวนหลายสิบใบนำมาเรียงกัน เมื่อเคลื่อนย้ายโอ่งจึงแตกรักษาไว้ได้เพียงพระเศียร และพระกร ส่วนอื่นต้องก่ออิฐถือปูนขึ้นรูปใหม่ แล้วบุด้วยทองเหลืองเช่นที่เห็นทุกวันนี้
ถ้าได้มาสักการะ จะได้ประสบความโชคดีเป็นสิริมงคล ทำการค้าร่ำรวย

        สุดท้ายขออวยพรให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจเดินทางมาท่องเที่ยวไหว้พระนอน   ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน เพื่อเป็นแรงผลักดันให้สามารถดำเนินชีวิตไปอย่างปกติสุขต่อไป
 สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา โทร. 0 3524 6076-7 หรือที่เว็บไซด์ www.tourismthailand.org/ayutthay





https://www.facebook.com/1489117677982266/photos/a.1492564850970882.1073741827.1489117677982266/1611319682428731/?type=1&theater 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น